ประวัติเม็ดมะม่วงหิมพานต์

cashew-plant

ประวัติเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ตากเม็ดปี 2559_4298มะม่วงหิมพานต์ ชื่อสามัญ Cashew, Cashew Nut (แคชชูนัท) และชื่อทางวิทยาศาสตร์ Anacardium occidentale มีผลเป็นชมภู่และเมล็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นรูปไตยื่นออกมาจากผลชมภู่อีกที(ดังรูปประกอบ) ลักษณะเป็นไม้ผลยืนต้น ตระกูลเดียวกับมะม่วงปัจจุบันเติบโตแพร่หลายทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เมื่อก่อนมีปลูกมากในทางตอนใต้ของประเทศไทย  นำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ภาคใต้ เมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เป็นพืชที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง แมกนีเซียมจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยให้ลดความดันโลหิตได้ มีโปรตีนที่ย่อยง่าย ไขมันไม่อิ่มตัวเมื่อบริโภคเข้าไปจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือด คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ, บี, อี และเกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก

 

มะม่วงหิมพานต์เป็นต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบ สูงราว 6-12 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มกว้างออกไปโดยรอบ 4-10 เมตร ต้นเตี้ย สยายกิ่งก้านไม่สม่ำเสมอ ใบจัดเรียงเป็นแบบเกลียว ผิวมันลื่น รูปโค้ง ขอบใบเรียบ ความยาว 4-22 เซนติเมตร และกว้าง 2-15 เซนติเมตร  ส่วนดอกนั้นแต่ละดอกตอนแรกมีสีเขียวซีด จากนั้นสีสดเป็นแดงจัด มี 5 กลีบ ปลายแหลม เรียว ยาว 7-15 มิลลิเมตร

 

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จะมีผลเทียมและผลแท้

ผลเทียม เป็นจะเหมือนลูกชมภู่(จะมีสีแดง สีเหลือง แล้วแต่สายพันธุ์ ดังรูปประกอบ) ซึ่งจะเติบโตจากฐานดอกขึ้นมา ผลมะม่วงหิมพานต์ มีชื่อเรียกในประเทศไทยทางตอนใต้ว่า กาหยูหรือกาหยี cashew-fruitเมื่อสุกจะมีสีเหลืองหรือส้มแดง มีความยาวประมาณ 5-11 เซนติเมตร

ผลแท้ ของมะม่วงหิมพานต์ เป็นผลเมล็ดเดี่ยวเป็นรูปไต งอกออกจากปลายของผลเทียม ก้านดอกจะขยายตัวออกมาจากผลเทียม ภายในผลแท้นั้น เป็นเมล็ด (seed) มีเปลือกแข็ง (nut) ห่อหุ้มด้วยเปลือกสองชั้น คือเปลือกแข็งที่มีนำมัน(เป็นน้ำมันที่ป้องกันตัวเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่ให้ศัตรูพืชกัดกินได้ง่าย) และเยื่อหุ้มสีแดงดำ (เหมือนเยื่อของถั่วลิสง)

 

 

 

(ข้อมูลและภาพจาก: https://en.wikipedia.org AND http://cashewbiz.blogspot.com)

 

ท่านใดที่นำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิตทาง 

(กันเองมะม่วงหิมพานต์  https://www.kunengfood.com) ด้วย ขอบคุณค่ะ (^/\^)

 

เขียนโดย kaneang